แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร เคยได้ยินคำนี้กันใช่ไหม?
คำๆนี้มันหมายถึงใจนะ
พระก็คือผู้สละสิ่งที่มีค่าทางโลกอยากได้ ออกไป
มารก็คือผู้ที่อยากได้สิ่งมีค่าทางโลก เข้ามา
ใจมารมันอยากชนะทุกคน
แต่ใจพระจะแพ้ให้ผู้อื่นได้
พระอยู่วัดใช่ไหม? คำว่าวัด จึงหมายถึงการวัดจิตใจ
เข้าวัดจึงหมายถึง เข้ามาวัดจิตใจกันว่าใจจะสละทิ้งสิ่งที่ให้ค่าได้เพียงใด
การจะสละจากใจได้ ต้องเกิดจากการที่ใจเห็นโทษในสิ่งๆนั้น
สิ่งๆ นั้นจึงไม่มีค่าต่อจิตใจเราให้เกิดทุกข์อีกตลอดกาล
คำว่าทุกข์ที่เห็นนั้น คือการเวียนวนซ้ำๆ ซากๆ
สิ่งใดเวียนวนซ้ำซากสิ่งนั้นเป็นทุกข์
ดังนั้นไก่จึงเห็นว่าทุกข์ที่น่ากลัวที่สุด
คือทุกข์ที่วนเวียนหาทางออกไม่ได้
แล้วกิเลสทั้งปวงก็หลอกจิตดวงนี้ตกอยู่ใต้อำนาจของมัน
ให้เราวนเวียนอยู่สังสารวัฎใช่หรือป่าวหล่ะ
เด๋วไปนรก เด๋วไปสวรรค์ เด๋วไปมนุษย์
วนเวียนซ้ำซากไม่มีที่สิ้นสุด ใช่ไหมหล่ะ
คำสอนของพุทธองค์ ก็เพื่ิอให้จิตใจท่าน
ออกจากสิ่งวนเวียนซ้ำซากโดยการทิ้ง การสละ นั่นหล่ะ
หากสุขของท่านยัง เกิดดับ วนเวียน ไม่มั่นคง
เนื้อแท้ของสุขที่กิเลสหลอกท่านให้เห็นว่าดีนั้น ก็ คือทุกข์
ก็เป็นแค่กับดักอันนึงของกิเลส ให้ท่านไปหลงยึดดีเท่านั้นเอง
กล้าสละสิ่งที่เห็นว่าดีออกได้ ใจก็เริ่มเป็นพระหล่ะ
เพราะที่ทุกคนมันยึด ก็เพราะเห็นว่ามันดี!
หากไม่มีดี ก็ไม่มีไม่ดี..
นั่นจึงจะเรียกว่าดีจริง..ดีจริงต้องไม่ทุกข์
อยากฝึกใจเป็นมารก็หาเข้าสะสม
มันก็สุขแปบเดียวที่ได้แรกๆเด๋วก็กลายเป็นทุกข์
อยากฝึกใจเป็นพระก็สละออกไป มันจะทุกข์ตอนแรก
แต่มันจะไม่มีสิ่งนั้นให้ทุกข์อีก นั่นหล่ะสุขของจริงที่มั่นคง!
สุขจากการไม่มี…!
ที่มา : กุ๊กไก่ บรรลัยการช่าง