เกษตรกรรม » เลี้ยงจิ้งหรีด เพื่อจำหน่ายอาชีพเสริมเพิ่มรายได้

เลี้ยงจิ้งหรีด เพื่อจำหน่ายอาชีพเสริมเพิ่มรายได้

10 พฤศจิกายน 2022
923   0

เลี้ยงจิ้งหรีด เพื่อจำหน่ายอาชีพเสริมเพิ่มรายได้

เลี้ยงจิ้งหรีด

เลี้ยงจิ้งหรีด


             จิ้งหรีด เป็นแมลงเศรษฐกิจที่มีความสำคัญชนิดหนึ่งเป็นแมลงกินได้ มีคุณค่าและโภชนาการสูง ได้แก่ โปรตีน 12.9 กรัม ไขมัน 5.5 กรัม แคลเซียม 75.8 มิลลิกรัมและธาตุเหล็ก 9.5 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม จิ้งหรีดมีวงจรชีวิตสั้น เลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์ได้เร็ว ได้ผลตอบแทนเร็วเมื่อจิ้งหรีดมีอายุประมาณ 35-40 วัน ก็สามารถจับมาบริโภคและจำหน่ายได้ ปีหนึ่งสามารถเลี้ยงได้ประมาณ 5 – 6 รุ่นจิ้งหรีดนิยมนำมาเป็นอาหารของมนุษย์ และใช้เป็นอาหารสัตว์ นอกจากนี้ มูลจิ้งหรีดสามารถนำไปทำปุ๋ยสำหรับบำรุงพืช



           ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น มีอุณหภูมิเหมาะแก่การเจริญเติบโตของจิ้งหรีด ปัจจุบันมีการเลี้ยงจิ้งหรีดอย่างแพร่หลายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และได้มีการจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีด (GAP) เพื่อให้ได้จิ้งหรีดที่มีคุณภาพและตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศ ประกอบกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ประกาศให้แมลงกินได้เป็นอาหารใหม่ (Novel food) ดังนั้น จิ้งหรีดจึงเป็นอาหารทางเลือกใหม่ และเป็นอาหารทดแทนในอนาคต การจำหน่ายจิ้งหรีด มีทั้งในรูปแบบสด แช่แข็ง และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น จิ้งหรีดทอด คั่ว อบแห้ง อบกรอบ ทำผง คุกกี้พาสต้า และโปรตีนบาร์ เป็นต้น

 

จิ้งหรีดที่นิยมเลี้ยง ได้แก่ จิ้งหรีดทองดำ จิ้งหรีดทองแดง และจิ้งหรีดบ้าน (สะดิ้ง) ประกอบด้วยระยะไข่ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัย มีวงจรชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. วงจรชีวิตจิ้งหรืดทองคำ (Gryllus bimaculatus De Geer)

  • ไข่ 7 – 10 วัน
  • ตัวอ่อน 35 – 40 วัน
  • ตัวเต็มวัย 45 – 50 วัน

2. วงจรชีวิตจิ้งหรืดทองแดง (teleogryllus mitratus (Burmeister)
จิ้งหรืดทองแดง

  • ไข่ 7 – 10 วัน
  • ตัวอ่อน 38 – 50 วัน
  • ตัวเต็มวัย 45 – 50 วัน

3. วงจรชีวิตจิ้งหรืดบ้าน(Acheta domestics (Linmnaeus))
จิ้งหรืดบ้าน(Acheta domestics (Linmnaeus))

  • ไข่ 7 – 14 วัน
  • ตัวอ่อน 35 – 40 วัน
  • ตัวเต็มวัย 38 – 59 วัน

การเลี้ยงและการจัดการจิ้งหรีด องค์ประกอบของการเลี้ยงจิ้งหรีด มีดังนี้

  • สถานที่สำหรับเลี้ยงจิ้งหรีด ควรเป็นที่ตอน น้ำไม่ท่วมขัง ไม่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน
  • โรงเรือน ต้องแข็งแรง ทนทาน มีหลังคาป้องกันแดดและฝน ระบายอากาศได้ดีและสามารถป้องกันศัตรูจิ้งหรีด มีริ้วรอบ ป้องกันสัตว์เลี้ยงต่างๆ และบุคคลภายนอกเข้าไปในโรงเรือน
  • บ่อหรือกล่องเลี้ยงจิ้งหรีด ต้องมีความคงทน ทนต่อการกัดแทะของจิ้งหรีด และทำความสะอาดได้ง่าย เช่น บ่อปูน กล่องสมาร์ทบอร์ด หรือกล่องพลาสติก
  • ตาข่ายไนล่อน สำหรับปิดปากบ่อ เพื่อป้องกันจิ้งหรีดหนี และป้องกันศัตรูจิ้งหรีด
  • พันธุ์จิ้งหรีด มีคุณภาพดี แข็งแรง และไม่มีประวัติของการเกิดโรค
  • ภาชนะสำหรับการให้น้ำ เช่น ถาด ขวดพลาสติก และท่อพีวีซี เป็นต้น
  • ภาชนะสำหรับการให้อาหารจิ้งหรีด เช่น ถาด เป็นต้น
  • อาหารจิ้งหรีดสำเร็จรูป มีธาตุอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของจิ้งหรีดควรเป็นอาหารใหม่ ไม่เสื่อมคุณภาพ และไม่มีสารปนเปื้อน
  • อาหารเสริม ในการเลี้ยงจิ้งหรีด ได้แก่ ฟักทอง และกล้วยสุก เป็นต้น
  • น้ำ ต้องเป็นน้ำสะอาด ควรมีภาชนะเก็บน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของจิ้งหรีด
  • ขันพลาสติกหรือถาด สำหรับใส่ดินร่วนปนทรายผสมขี้เถ้าแกลบ หรือขุยมะพร้าวสำหรับให้จิ้งหรีดวางไข่ ว้สดุที่ใช้ต้องกำจัดเชื้อโรคและศัตรูของจิ้งหรีด
  • แผงไข่ ใช้เป็นที่หลบซ่อนและที่อยู่อาศัยของจิ้งหรีด ต้องอยู่ในสภาพดี สะอาดไม่เปียกขึ้น

เลี้ยงจิ้งหรีด เพื่อจำหน่ายอาชีพเสริมเพิ่มรายได้

บ่อหรือกล่องเลี้ยงจิ้งหรีด

  • กล่องสมาร์ทบอร์ด ขนาดกว้าง 120 ยาว 240 สูง 60เซนติเมตร ปัจจุบันนิยมใช้เลี้ยงกันมาก เนื่องจากราคาไม่สูงมากนัก 1 กล่อง สามารถเก็บผลผลิต ได้ประมาณ 20-35 กิโลกรัม
  • บ่อปูนสี่เหลี่ยม ขนาด กว้างประมาณ 160 ยาว400 สูง 60 เซนติเมตร สามารถปฏิบัติงานได้สะดวกบ่อปูนจะมีความคงทนและทำความสะอาดง่าย 1 บ่อ สามารถเก็บผลผลิตจิ้งหรีด ได้ประมาณ 50-80 กิโลกรัม
  • กล่องพลาสติก ขนาดกว้างประมาณ 35 ยาว 60สูง 40 เซนติเมตร มีข้อจำกัดด้านอุณหภูมิภายในกล่องจำเป็นต้องเลี้ยงในโรงเรือนที่ควบคุมอุณหภูมิได้ โดย 1 กล่อง สามารถเก็บผลผลิตฉิ้งหรีด ได้ประมาณ 3-5 กิโลกรัม




วิธีการเลี้ยงและการจัดการจิ้งหรีด

  • บ่อหรือกล่องเลี้ยงควรติดวัสดุลื่นๆ บริเวณภายในปากกล่องด้านบน เพื่อป้องกันจิ้งหรีดไต่ออก และปิดปากกล่องเลี้ยงด้วยตาข่ายไนล่อน เพื่อป้องกันศัตรูจิ้งหรีดและจิ้งหรีดหนี
  • เรียงแผงไข่ ให้พอเหมาะเพื่อเป็นที่หลบซ่อนและที่อยู่อาศัยของจิ้งหรีด
  • นำไข่จิ้งหรีดอายุประมาณ 7-10 วัน ที่ใกล้จะฟักออกเป็นตัวมาวางในบ่อหรือกล่องเลี้ยง การใส่ขึ้นอยู่กับปริมาณไข่จิ้งหรีดและขนาดของบ่อหรือกล่องเลี้ยง โดยประมาณ 1 กล่อง จะใส่ไข่จิ้งหรีด ประมาณ 3-5 ขัน
  • เมื่อจิ้งหรีดฟักออกเป็นตัว การให้น้ำและอาหารต้องให้อย่างสม่ำเสมอและเพียงพอต่อความต้องการของจิ้งหรีด ควรทำความสะอาดภาชนะที่ให้น้ำและอาหารอย่างสม่ำเสมอ
  • จิ้งหรีดจะเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย อายุประมาณ40-45 วัน จิ้งหรีดตัวผู้จะใช้ปีกสีกันทำให้เกิดเสียง เพื่อเรียกตัวเมียมาผสมพันธุ์ หลังจากผสมพันธุ์ 3-5 วัน ตัวเมียก็จะวางไข่
  • นำภาชนะมาใส่ดินร่วนปนทรายผสมขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าวพรมน้ำพอขึ้น วางไว้ในกล่องเลี้ยงสำหรับให้จิ้งหรีดวางไข่ วางไว้ประมาณ 6-12 ชั่วโมง ก็จะได้ไข่ในปริมาณที่หนาแน่น เมื่อจิ้งหรีดโตเป็นตัวเต็มวัย ก่อนจะทำการจับจิ้งหรีด3 วัน ควรงดให้อาหารสำเร็จรูป แล้วให้ฟักทองหรือกล้วยสุกแทนเพื่อไมให้อาหารมีการตกค้างและมีกลิ่นติดไปกับตัวจิ้งหรีด

เลี้ยงจิ้งหรีด

ศัตรูจิ้งหรีดที่สำคัญและการป้องกันกำจัด

ศัตรูของจิ้งหรีด ได้แก่ มด จิ้งจก จิ้งเหลน แมงมุม ไร ฯลฯ

โรคที่สำคัญ ได้แก่ โรคอิริโดไวรัส โรคทางเดินอาหาร เกิดจากจิ้งหรีดได้รับอาหารที่ไม่สะอาด หรือเกิดเชื้อรา

วิธีป้องกัน คือ ใช้ตาข่ายคลุมให้มิดชิด ป้องกันเชื้อไวรัสจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์ม ให้อาหารและน้ำที่สะอาดพอเหมาะกับจำนวนจิ้งหรีด ควรซื้ออาหารจิ้งหรีดที่มีคุณภาพและเก็บในที่เหมาะสม

การเก็บผลผลิตจิ้งหรืด

1. การเก็บตัวจิ้งหรืด

  • จัดการเก็บตัวจิ้งหรีดโดยยกแผงไข่เขย่าใส่กะละมังและใช้สวิงช้อน
  • นำจิ้งหรีดไปล้างน้ำ เพื่อทำความสะอาด ประมาณ 35 ครั้ง แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด ใช้เวลาประมาณ 10-30 นาทีแล้วนำไปแช่น้ำเย็นและผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
  • นำมาบรรจุใส่ถุงพลาสติกแล้วนำไปแช่น้ำแข็ง ตู้แช่ หรือห้องเย็น อุณหภูมิต่ำประมาณ -15 องศาเซลเซี่ยส จะสามารถเก็บไว้รอจำหน่ายได้

2.ไข่จิ้งหรืด

  • เมื่อพ่อแม่พันธุ์จิ้งหรีดผสมพันธุ์ ก็ให้นำภาชนะใส่ดินร่วนปนทราย ขี้ถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าว พรมน้ำพอขึ้น ๆ
  • นำไปวางในบ่อหรือกล่องเลี้ยง ให้แม่พันธุ์จิ้งหรีดวางไข่ วางไว้ประมาณ 12-24 ชั่วโมง จึงนำออกหลังจากนั้นควรทำการบ่มไข่จิ้งหรีด ให้อุณหภูมิอยู่ที่35-38 องศาเซลเซียส โดยใช้ถุงพลาสติกห่อหรือผ้าคลุม

3.มูลจิ้งหรืด

  • มีธาตุอาหารสูงพอสมควรสามารถเก็บไปใช้หรือจำหน่ายเป็นปุยสำหรับบำรุงพืช

ข้อควรปฏิบัติ

  • สุขอนามัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการเลี้ยงจิ้งหรีด จะไม่ทำให้จิ้งหรีดอ่อนแอและเกิดโรคภายในฟาร์มได้
  • ควรทำความสะอาดบ่อ และตากบ่อ ก่อนเลี้ยงรุ่นใหม่ทุกครั้ง
  • แผงไข่ควรเคาะทำความสะอาด แล้วนำไปอบเพื่อให้แห้ง สะอาด และมีความคงทน ใช้เลี้ยงในรุ่นต่อไป
  • ควรมีการเปลี่ยนสายพันธุ์จิ้งหรีดเพื่อให้จิ้งหรีดมีความแข็งแรงและป้องกันเลือดชิดในจิ้งหรีด โดยคัดพ่อแม่พันธุ์ข้ามบ่อหรือกล่องเลี้ยง หาพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติมาขยายพันธุ์ หรือซื้อพันธุ์จิ้งหรีดที่มีความแข็งแรงและปลอดโรคจากฟาร์มอื่น

ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, www.withikaset.com


บทความอื่นที่น่าสนใจ