การเลี้ยงกบนาในบ่อซีเมนต์
การเลี้ยงกบนาในบ่อซีเมนต์ “กบนา” เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ใช้เวลาเลี้ยงน้อยและมีผู้นิยมบริโภคเป็นจำนวนมาก และในปัจจุบันกบนาของเมืองไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นต้น ดังนั้นโอกาสในการส่งออกเนื้อกบไปจำหน่ายยังต่างประเทศจึงมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงเป็นอย่างดี
การเลี้ยงกบ เป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งในการเลี้ยงนั้นเกษตรกรควรมีความเข้าใจถึงวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องก่อน จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จในการเลี้ยง
สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนการเลี้ยงกบ
ความพร้อมของเกษตรกรทั้งในด้านความรู้ในการเลี้ยงและการลงทุน มีการวางโปรแกรมการผลิตที่ดีเพื่อให้สามารถจำหน่ายในช่วงที่กบมีราคาและมีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด มีตลาครองรับผลผลิตที่แน่นอน
พันธุ์กบ
พันธุ์กบที่เหมาะสมคือ กบนา ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้โตไวและมีสีเหลืองเป็นที่ต้องการของตลาด
รูปแบบการเลี้ยง
- การเลี้ยงในบ่อซีเมนต์
- การเลี้ยงในบ่อดิน
- การเลี้ยงแบบกระชัง (มุ้ง)
ระยะเวลาในการเลี้ยง
ใช้เวลา 3.5-4 เดือนตั้งแต่ระยะฟัก ออกจากไข่จนถึงจับจำหน่าย ได้กบขนาด 6-7 ตัวต่อกิโลกรัม
รูปแบบในการเลี้ยงเพื่อจำหน่ายผลผลิต
- การเลี้ยงเพื่อจำหน่ายถูกอ๊อด
- การเลี้ยงเพื่อจำหน่ายลูกกบ
- การเลี้ยงเพื่อขุนเป็นกบเนื้อ
สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกบ
- ควรอยู่ใกล้บ้านและสะดวกต่อการดูแล
- อยู่ใกล้แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี เพียงพอต่อการเลี้ยง
- เป็นพื้นที่สูงหรือที่ดินเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม
- ห่างไกลจากแหล่งชุมชนหรือบริเวณที่มีเสียงอีกทึกรบกวน
- อยู่ใกล้แหล่งจำหน่ายอาหารกบ
- สะดวกในการจับ
วิธี การเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์
เป็นรูปแบบที่นิยมกันมากที่สุด เนื่องจากสะดวกในการเปลี่ยนน้ำ ง่ายต่อการทำความสะอาดบ่อ กวบคุมโรครวมถึงการจับ บ่อเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กวรมีพื้นที่ที่เป็นบกสำหรับกบอาศัยอย่างน้อย 2/3 ของบ่อ ที่เหลือเป็นพื้นน้ำ
บ่อเลี้ยงกบ การสร้างบ่อเลี้ยงกบมีวัตถุประสงค์ในการสร้างที่แตกต่างกัน เช่น บ่อสำหรับเลี้ยงพ่อพันธุ์ และแม่พัยธุ์ ซึ่งจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก โดยทั่วไปแล้วบ่อกบจะเป็นบ่ออเนกประสงค์ คือ ใช้สำหรับผสมพันธุ์ อนุบาลถูกอ๊อด อนุบาลถูกกบ และเลี้ยงกบขุนหรือกบเนื้อในบ่อเดียวกัน แต่ต้องมีจำนวนบ่อหลายบ่อเพื่อให้กบอาศัยเมื่อกบมีขนาดใหญ่ขึ้น
บ่อซีเมนต์ มีหลายรูปแบบ เช่น ปูกระเบื้อง ซึ่งทำความสะอาดง่ายหรือทาสีบ่อให้กบมีสีเหลือง ทั้งนี้ สีของกบจะปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่อยู่
ขนานบ่อที่ใช้สำหรับผสมพันธุ์กบจนถึงใช้เลี้ยงเป็นกบขุนมีหลายขนาด เช่น 3×4 , 3.2×4, 3.5×4, 4.5×4 4×6 เมตร สูง1.2 เมตร เป็นต้น แต่ขนาดบ่อที่ง่ายต่อการจัดการคือ 3×4 เมตร
บ่อเลี้ยงจะมีการเทคานก่อนและใช้อิฐบล็อค ร ก้อน ก่อเป็นผนัง มีประตูไม้ยกขึ้นลงเป็นทางเข้าออกบ่อ พื้นบ่อมีการเทปูนหนาพอสมควรเพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม ด้านในของบ่อทั้ง4 ค้าน จะฉาบผิวสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร จากพื้นบ่อเพื่อป้องกันน้ำซึมและกบเป็นแผลจากการกระโดดบ่อกบ ควรตั้งอยู่กลางแจ้ง ซึ่งมีประโยชน์ถือ สามารถเลี้ยงกบได้ตั้งแต่ผสมพันธุ์จนถึงอนุบาลถูกอ๊อด ตลอดจนเป็นกบเนื้อ
น้ำสำหรับการเลี้ยงกบ
ควรตรวจสอบคุณภาพน้ำ เช่น ความเป็นกรดด่างของน้ำความกระด้าง อัลดาไลนิตี้ ปริมาณแอมโมเนีย แร่ธาตุในน้ำ ฯลๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ หากน้ำที่ใช้เป็นกรด จะต้องใส่ปูนขาวเพื่อปรับคุณภาพน้ำและตรวจวัดความเป็นกรดค่างของน้ำอีกครั้ง และมีการพักน้ำดังกล่าวไ ว้ก่อนนำมาเลี้ยงน้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะซึ่งคุณภาพของน้ำมักจะไม่สม่ำเสมอหรือมีการปนเปื้อนจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตรดังนั้นควรพิจารณาก่อนนำน้ำมาใช้ ถ้จะนำมาใช้ควรมีบ่อพักกักเก็บน้ำไว้ก่อน หากน้ำที่ใช้เป็นน้ำบาคาลควรผ่านการกรองและพักน้ำก่อนนำไปใช้
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์
- การเป็นกบที่มีตัวเหลือง ท้องขาว ตัวใหญ่
- กัดจากกบขุนหรือฟาร์มที่มีความน่าเชื่อถือ
- พ่อและแม่พันธุ์กบไม่คารมาจากแหล่งเดียวกัน เพื่อป้องกันปัญหาเลือดชิดซึ่งลูกกบจะไม่แข็งแรง และแตกไซส์
ลักษณะพ่อแม่พันธุ์ที่พร้อมผสมพันธุ์
- แม่พัน ธุ์อายุ 8 เดือนขึ้นไปก็สามารถผสมพันธุ์ได้ แต่ถ้าให้ไข่เจริญเต็มที่สมบูรณ์ ควรมีอายุตั้งแต่ ! ปีขึ้นไป หรือมีน้ำหนัก 300 กรัม ขึ้นไป
- พ่อพันธุ์ ควรมีอายุตั้งแต่ 8 เดือนขึ้นไป น้ำหนัก 200-250 กรัม ขึ้นไป จะต้องดึก ดูได้จากเมื่อสอดนิ้วมือเข้าระหว่างขาหน้าสองข้าง พ่อพันธุ์จะรัดแน่น
ที่มา : kasetbanna.com
บทความอื่นที่น่าสนใจ