วิธีการเลี้ยงหมูหลุม ประหยัดต้นทุน ไม่มีกลิ่นเหม็น
วิธีการเลี้ยงหมูหลุม
การเลี้ยงหมูในยุคปัจจุบัน นับว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากวิธีการเลี้ยงเปลี่ยนแปลงไปเป็นลักษณะเชิงการค้า ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง โดยเฉพาะอาหารซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้นำมาจากภายในท้องถิ่น รวมทั้งวัตถุดิบบางส่วนก็เป็นสารเคมีซึ่งไม่เป็นผลดีนักต่อผู้บริโภค
การเลี้ยงหมูต้นทุนต่ำ หรือหมูหลุมดินชีวภาพเป็นทางเลือกหนึ่งในการพัฒนาการเกษตรตามแนวทางทฤษฎีใหม่โดยยึดปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ประมาณร้อยละ 70 เนื่องจากอาหารหลักที่ให้หมู คือผักนานาชนิด และอาหารสำเร็จ หรืออาหารผสมเพียงร้อยละ 30 เท่านั้นโดยที่หมูมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับหมูที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จเพียงอย่างเดียวสิ่งที่แตกต่างกันคือ กำไรที่ผู้เลี้ยงจะได้รับ เพราะต้นทุนต่ำมาก ประหยัดค่าอาหาร ค่าน้ำล้างคอก อีกทั้งยังได้ปุ๋ยหมักอย่างดีไปใช้ในครัวเรือนอีกด้วย การเลี้ยงแบบนี้ไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวนผู้เลี้ยงเพราะจุลินทรีย์ที่ผสมเข้าไปให้หมูกินพร้อมกับน้ำ และที่ใช้ราดวัสดุพื้นคอกนั่นเอง
วิธีการเลี้ยงหมูหลุม
การสร้างโรงเรือน
พื้นที่ใช้ในการสร้างโรงเรือน ควรเป็นที่สูง น้ำท่วมไม่ถึง สร้างโรงเรือนตามแนวทิศตะวันออก และทิศตะวันตก วัสดุที่ใช้ใน การก่อสร้าง ควรเป็นวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เช่นโครงหลังคาทำด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยหญ้าคา หรือหญ้าแฝก ใบจาก
การสร้างคอกหมูหลุม
หมูหลุม 1 ตัว ใช้พื้นที่ประมาณ 1.5 – 2 ตารางเมตร
- คอกขนาด 2.5 x 3 เมตร เลี้ยงหมูได้ 4 ตัว
- คอกขนาด 4 x 4 เมตร เลี้ยงหมูได้ 8 ตัว
- ถ้าต้องการเลี้ยงหมูหลุม 4 – 6 ตัว ต้องใช้พื้นที่ 2.5 x 4 เมตร
- ขุดดินออกในส่วนพื้นที่จะสร้างคอก ลึก 90 เซนติเมตร ปรับพื้นที่ให้มีระดับสม่ำาเสมอ ใช้อิฐบล็อกก้ันด้านข้างคอกเหนือขอบหลุมสูง 2 เมตร
การใส่วัสดุรองพื้นคอกหมูหลุม
วัสดุที่ใส่ในคอกหมูหลุม มีหลากหลาย วิธีขึ้นอยู่กับวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น
วิธีที่ 1.
- ขุยมะพร้าว 100 ส่วน
- น้ำหมักชีวภาพ
ขั้นตอนทำ ใส่ขุยมะพร้าว ให้มีความสูง 30 ซม. ราดด้วยน้ำาหมัก ชีวภาพ ให้มีความชื้นพอหมาดๆ ทำจนครบ 3 ช้ัน ทิ้งไว้ ประมาณ 7 วัน
วิธีที่ 2.
- หญ้าแฝก
- หยวกกล้วย
- กากน้ำตาล
- จุลินทรีย์/EM
- เกลือแกง
ขั้นตอนทำ นำหญ้าแฝกและหยวกกล้วยสับปูรองพื้น ราดด้วยน้ำหมักจุลินทรีย์/EM กากน้ำตาล และ โรยด้วยเกลือแกง แล้วแกลบ 10 ถุง เกลี่ยให้ทั้วแล้วราดน้ำ (ชั้นละ 10 ถุง) ทำจนครบ 3 ชั้น ชั้นละ 30 เซ็นติเมตร
วิธีที่ 3.
- แกลบดิน (แกลบขี้หมูเก่า)
- มูลวัว
- รำละเอียด
- จุลินทรีย์/EM
- แกลบดิน
ขั้นตอนทำ นำวัสดุแต่ละชนิดเกลี่ยให้ทั้วพื้นคอก ให้ทำจนครบ 3 ชั้น ชั้นละ 30 เซ็นติเมตร แล้ว ราดน้ำบนพื้นหน้าวัสดุชั้นสุดท้าย ทิ้งไว้ 5 – 7 วัน จึงนำสุกรเข้าเลี้ยง
หมายเหตุ วัสดุรองพื้น ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น ใบไม้แห้ง ฝางข้าว วัสดุเหลือใช้จากการเพาะเห็ด ขุ๋ยมะพร้าว หรือขยะแห้งที่ สามารถย่อยสลายได้
การให้อาหาร
ลูกหมูที่นำมาเลี้ยงควรมีน้ำหนัก 15-20 กก. ในช่วงเดือนแรก ควรให้อาหารสำหรับหมูเล็ก โดยผสมรำอ่อน ปลายข้าว กากถั่วเหลือง ปลาป่น หรือใช้น้ำหอยเชอรี่หมักแทนปลาป่น จนน้ำหนักหมูได้ 30 กก.ขึ้นไป อาหารหมู ได้แก่ เศษอาหารเหลือทิ้งจากมนุษย์เศษพืชต่างๆ หญ้าสด หญ้าหมัก ฟางข้าว ดิน ใบไม้ผุ จุลินทรีย์ท้องถิ้น น้ำหมักจากพืชสีเขียว และแบคทีเรียกลุ่มแลคติก จะใช้อาหาร สำเร็จรูปเพื่อใช้ผสมร่วมกับอาหารที่ทำขึ้นเองบางส่วนเท่านั้น ให้พืชสด ใส่ให้กินในคอกเลย เศษซากพืชบางชนิดต้องหมักก่อนเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการย่อยก่อน
ตัวอย่างสูตรอาหาร เช่น
สูตร 1
- หยวกกล้วย + มะละกอดิบ + ผักบุ้ง + เถามันเทศ + เศษผักหรือวัชพืช สับให้ละเอียด 100 กก.
- น้ำตาลทรายแดง 4 กิโลกรัม
- เกลือ 1 กิโลกรัม
- หมักทิ ้งไว้ 5 ถึง 7 วัน
- ผสมหัวอาหาร 3 กิโลกรัม
- สามารถเติมน้ำหมักแบคทีเรียแลคติก
สูตร 2
- หยวกกล้วย เศษผัก ฯลฯ สับให้เป็นชิ้นเล็กๆ 25 กิโลกรัม
- น้ำใส่ถังแล้วโรยด้วยเกลือแกง 200 กรัม
- ผสมน้ำหมักชีวภาพ,หัวเชื้อจุลินทรีย์/EM 2 ฝา
- น้ำตาลทรายแดง/กากน้ำาล 1 กิโลกรัม (เทผสมแล้วปิ ดฝาทิ้งไว้ 5 – 7 วัน สามารถเก็บได้นาน 30 วัน
ตัวอย่างสูตรอาหารข้น เช่น
สูตร 1
- หินฝุ่น 1.5 กิโลกรัม
- เกลือแกง 0.35 กิโลกรัม
- พรีมิกซ์ 0.25 กิโลกรัม
- ไดแคลเซี่ยมฟอสเฟต 0.5 กิโลกรัม
- ปลาป่น 1 กิโลกรัม (ผสมส่วนที่ 1-5 ให้เข้ากัน)
- ข้าวโพดบด 60 กิโลกรัม
- กากถั่วเหลือง 14 กิโลกรัม
- รำละเอียด 23 กิโลกรัม
วิธีการนำมาใช้งาน
โดยให้อาหารหมัก 70 % ผสมอาหารข้น 30 % เช้า – เย็น
- กรณี หมูน้ำหนัก 30 – 60 กก. ใช้อาหารผสม 1 ส่วน ผสมน้ำหมัก 1 ส่วนให้กิน 2 – 3 กิโลกรัม ต่อวัน
- กรณี หมูน้ำหนัก 60 กก. ขึ้นไป ใช้อาหารผสม 1 ส่วน ผสมน้ำหมัก 1 ส่วน ให้กิน 4 – 6 กิโลกรัม ต่อวัน
น้ำดื้มสำหรับหมูหลุม
ใช้น้ำหมักชีวภาพ โดย นำสมุนไพร เช่น สาบเสือ ตะไคร้ หอม มะกรูด ข่า ขมิ้น สัปประรด หรือผลไม้อื่นๆ นำมาบด หรือสับรวมกัน แล้วผสมน้ำตาลทรายแดง อัตราส่วน สมุนไพรบด 1 กก. น้ำตาลทรายแดง 1 กก. หมักใส่ ถังพลาสติก หรือ ไห ปิดถังหรือไห ด้วยกระดาษ ทิ้งไว้ อย่างน้อย 1 เดือน หลังจากนั้น จึงใช้น้ำหมัก 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ สะอาด 10 ลิตร นำไปให้หมูกินตลอดทั้งวัน ส่วนผสมที่เป็นสมุนไพร ช่วยบำรุงสุขภาพของหมู ส่วนผสมที่เป็นผลไม้ช่วยในการ ขับถ่าย น้ำหมักนี้ สามารถนำไป รดพื้นคอกสัปดาห์ละครั้งเพื่อลดกลิ่น โดยใช้น้าหมักสมุนไพร 3-4 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร
ขั้นตอนการเตรียมน้ำดื่ม สำหรับสุกร
น้ำดื่มสำหรับหมูหลุม
สำหรับ น้ำ 1 ถัง ( 20 ลิตร) ส่วนผสมน้ำดื่มให้สุกร
- หัวเเชื้อจุลินทรีย์ผัก หรือผลไม้ 2 ช้อนโต๊ะ
- นำฮอร์โมน สมุนไพร 2 ช้อนโต๊ะ (เหล้าดองยา)
- นมเปรี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำหมักแคลเซียม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 20 ลิตร
ผสม ให้ดื่มเป็นประจำทุกวัน หากพื้นคอกสุกรแน่น หรือแข็ง ก็ใช้นดังกล่าวราดบนพื้นคอก จะทำให้เกิดกลิ่นหอม จูงใจให้สุกรขุดคุ้ยเป็นการกลับหน้าดิน ช่วยให้พื้นคอกร่วนโปร่ง มีอากาศถ่ายเท เกิดจุลินทรีย์มากมาย
การทำน้ำหมักผลไม้
วัสดุอุปกรณ์
ผลไม้สุก / ดิบ ,น้ำตาลทรายแดง, ขวดโหล / ถัง / โอ่ง (สำหรับหมัก), เชือกฟาง, กระดาษขาว,
น้ำหมักผลไม้ และยาดองสำหรับเลี้ยงสุกร
วิธีทำ
- เตรียมผลไม้ ควรเป็นผลไม้ที่สุกจัด หรือร่วงตกใต้ต้น เช่น มะม่วง องุ่น มะละกอ สับปะรด มะเฟือง กล้วย ฯลฯ ถ้ามีผลไม้ไม่พอก สามารถเติมพืช อื่นเป็นส่วนประกอบได้ เช่น รากผักขม มันแกว มันเทศ แครอท มันสำปะหลัง พืชตระกูลแตง หัวผักกาด เป็นต้น หาก ผักหรือผลไม้ที่ใช้หมัก มีมากพอก็สามารถทำเป็น ชนิดเดียวกัน
- ใช้ผลไม้หมัก 1 กิโลกรัม ต่อ น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม (ในฤดูร้อน) ส่วนในฤดูหนาวเพิ่มน้ำตาล ทรายแดง ½ กิโลกรัม (น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกผสมในผลไม้ และส่วนที่ 2 ใช้โรยหน้า)
- ล้างภาชนะที่จะใช้หมัก และตากแดงให้แห้ง
- ชั้นที่อยู่ก้นภาชนะให้วางเรียงวัตถุดิบเป็นชั้นๆ โรยน้ำตาลทรายแดงปิดทับเป็นชั้นๆ โรยน้ำตาลทราบแดงทับจนหมด (ให้เหลือที่ว่างห่างจากปากภาชนะ 1/3 ของความสูงของภาชนะ) จากนั้น ใช้น้ำตาลส่วนที่เหลือปิดทับด้านหน้าให้หนา เพื่อป้องกันอากาศ ควรใส่ ผลไม้ที่มีความความหวานไว้ด้านล่าง โดยเรียงลำดับตามความหวาน ผลไม้ทีให้ความหวานน้อยทีสุดให้ใส่ชั้นบนสุด ผลไม้ที่เป็นชิ้น เล็กๆ เช่นองุ่น ให้ใช้มือที่สะอาดบีบให้แตกขณะนำไปหมักในโอ่ง หรือภาชนะหมัก
- คลุมปากภาชนะด้วยกระดาษขาว และมัดปากภาชนะด้วยเชือก
- ในฤดูร้อน กระบวนการหมักใช้เวลา 4 – 5 วัน ส่วนในฤดูฝนกระบวนการหมักใช้เวลา 7 – 10 วัน ส่วนในฤดูหนาว จะใช้เวลาในการหมัก 10-15 วัน
- เก็บภาชนะหมักไว้ในที่ร่ม และมีอากาศเย็น ไม่ให้ถูกแสงแดด ไม่ควรปิดภาชนะในระหว่าง กระบวนการหมัก กำลังดำเนินการอยู่
วิธีการนำไปใช้
- ใช้น้ำหมักในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร
- ใช้พ่นกับพืชเมื่อเข้าสู่ระยะเปลี่ยนวัย ( เข้าสู่การออกดอกออกผล)
- รดพื้นคอก ผสมให้หมูกิน รดผัก
เวลาที่ใช้ในการเลี้ยง
หมูหลุมใช้เวลาในการเลี้ยง ประมาณ 4 เดือน น้ำหนักของหมูจะอยู่ที่ประมาณ 120 กก. / ตัว มูลของหมูหลุมเป็นรายได้ ส่วนหนึ่งที่สามารถนำไปขายได้ ซึ่งเป็นรายได้ส่วนทีเพิ่มขึ้นหรือนำมูลของหมูหลุมไปใส่ต้นไม้ ทำให้ต้นไม้เจริญงอกงาม ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายค่าปุ๋ยอีกทางหนึ่งด้วย
ผลลัพท์จากการเลี้ยงหมูหลุม
การเลี้ยงหมูหลุม เป็นการผลิตที่เหมาะสมกับการทรัพยากรและการบริโภค ในท้องถิ่นทำใ ห้เศรษฐกิจฐานล่างมีความเข้มแข็ง สนับสนุนนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ได้แก่
- ด้านเศรษฐกิจ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม พึ่งพาการผลิตการบริโภคในท้องถิ่นเกิดความมั่นคงทางอาหารแก่ชุมชน· ด้านสังคม เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ทำให้ครอบครัวมีงานทำหมุนเวียนตลอด ก่อเกิดรายได้ ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น· ด้านสิ่งแวดล้อม เป็นการผลิตผสมผสานปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ใช้ทรัพยากร ผืนดินให้เกิดประโยชน์ต่อการผลิต ใช้วงจรชีวภาพหมุนเวียนให้เกิดการผลิตหลายรอบ ไม่เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม· ด้านสุขภาพ การเลี้ยงหมูที่ไม่เครียดทำให้มีสุขภาพดี และการเลี้ยงด้วยหญ้าจะทำให้เนื้อสัตว์มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ชนิด โอไมก้า 3 ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง และไขมันอุดตันในหลอดเลือดสูง และผลผลิตปลอดภัยปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ มีผลทำให้สุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง Food Quality ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงเช่นเดียวกับอาหารอินทรีย์
แหล่งข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม
- สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ www.opsmoac.go.th
บทความอื่นที่น่าสนใจ